สำหรับ MSI Alpha 15 ที่เป็น Gaming Notebook ตระกูลใหม่จากทาง MSI โดยเป็นการแยกตัวมาจาก G Series แบบเดิมๆ จัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3750H ตัวแรง จับคู่มากับการ์ดจอ AMD Radeon RX 5500M (4GB GDDR6) สถาปัตยกรรม RDNA เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ที่ให้ประสิทธิภาพความแรงใกล้เคียงกับ NVIDIA GeForceGTX 1660 Ti แน่นอนว่าทางฝั่งของ AMD ต้องมาพร้อมกับราคาที่คุ้มค่ากว่า ด้วยราคาเพียง 27,900 บาทเท่านั้น จัดว่าคุ้มค่าสุดๆ ในช่วงราคานี้
ดีไซน์โดยรวมยังคงกลิ่นอายของ MSI G Series ซึ่งมีความใกล้เคียงกับ GL65 มาพร้อมโลโก้ใหม่เป็นรูปนก Phoenix สีเขียว ที่เดิมๆ เป็นมังกร ย้ำให้เห็นถึงความแตกต่างตามสไตล์เอเชีย จากการใช้สเปกเป็น AMD แท้ๆ ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอที่เชื่อได้ว่าสเปกอื่นๆ ก็คงจัดเต็มไม่แพ้กันอย่างแรมขนาด 8GB และ SSD M.2 NVMe ที่มาตรฐานความจุ 512GB ที่ในส่วนของหน้าจอจะเป็นขนาด 15.6″ แบบขอบจอบาง ความละเอียดที่ Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz พร้อมใช้สนับสนุน AMD FreeSync ทำให้ภาพลื่นไหลภาพไม่ฉีกขาด
VDO Preview
Specification
MSI Alpha 15 ใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 7 3750H ทำงานแบบ 4 Core/8 Thread ด้วยความเร็ว 2.3 – 4GHz สถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร ประสิทธิภาพแรง พร้อมฟีเจอร์มากมาย เช่น SenseMI คอยจัดการให้เหมาะสม ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดที่เป็น Radeon RX Vega 10 ส่วนการ์ดจอแยกพระเอกของเราเป็น AMD Radeon RX 5500M (4GB GDDR6) สถาปัตยกรรม RDNA จัดว่าเป็นการ์ดจอ Gaming Notebook เทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร รุ่นแรกของโลก ที่ให้ประสิทธิภาพความแรงระหว่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 / GTX 1660 Ti เรียกได้ว่าตอบสนองการเล่นเกมได้เต็มที่เต็มอารมณ์ ที่เทียบเคียงเป็น Core i และ GeForce รุ่นก่อนๆ แน่นอน
หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz ได้หน่วยความจำแรมมาขนาด 8GB DDR4 Bus 2666 MHz ที่เพียงพอในการใช้งาน ซึ่งสามารถอัปเกรดเพิ่มได้อีก 1 แถวทันที โดยรองรับสูงสุดที่ 64GB และในส่วนของที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ที่เร็วแรงลื่น และรองรับการอัปเกรดเพิ่ม HDD 2.5″ SATA 3 อีก 1 ตัวได้เลย
ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2 ชาแนลแบบ Giant Speaker บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.2 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 แบบ Killer Gaming LAN
การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi AC น้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ได้ประกันระยะเวลา 1 ปี (รุ่นอื่นๆ ของ MSI เป็น 2 ปี) มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 27,900 บาท ถือว่าเป็น Gaming Notebook ในช่วงราคานี้ที่น่าสนใจมากๆ เพราะได้ทั้งสเปกและฟีเจอร์ที่จัดเต็มเหมือนตระกูล G Series อย่าง GL65 ในราคาถูกลงกว่าเดิมเยอะ
เพื่อให้สมกับเป็น Gaming Notebook ตัวจริง สิ่งที่ผู้ใช้สามารถได้รับเ
Hardware / Design
สำหรับ MSI Alpha 15 เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ จัดว่าเป็นซีรีส์ที่ไม่เคยมีมาก่อนเน้นความคุ้มค่าจากสเปก AMD ที่ได้ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอรุ่นใหม่ล่าสุด เทคโนโลยีการผลิตที่ 7 นาโนเมตร โดยมาพร้อมกับการดีไซน์ที่เน้นเรื่องจอใหญ่บางเบาพร้อมกับพกพาได้สะดวกเป็นหลัก สีสันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สีโทนดำสลับเทาพร้อมแซมด้วยแดง
เริ่มจากวัสดุบอดี้ตัวเครื่องฝาหลังจะเป็นอลูมิเนียมสีดำด้าน สัมผัสผิวเรียบหรูสวยงาม ผสานกับโลโก้นกธันเดอร์เบิร์ดสยายปีกสีเขียว โดยสื่อถึงความหมายในด้านความแข็งแกร่งในเชิงของนวัตกรรมและความทะเยอทะยานในการค้นหาสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ภายใต้ชื่อ “Alpha” นั่นเอง ดูโดยรวมแล้วเรียบง่ายในดุดันสไตล์ Gaming Notebook พรีเมียมจากทาง MSI
สำหรับ MSI Alpha 15 เป็น Gaming Notebook มาตรฐานปี 2019 ด้วยหน้าจอขนาด 15.6″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ทำให้มิติตัวเครื่องเทียบกับรุ่นหน้าจอ 14″ เท่านั้น ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 2.3 กิโลกรัม และมีความบางของตัวเครื่องเพียง 27.5 มิลลิเมตร ทำให้พกพาได้สะดวกอยู่ รอบๆ ตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่องในส่วนของด้านหน้ายังคงเป็นที่อยู่ของไฟ LED แสดงสถานะของตัวเครื่อง 3 จุด
ในเรื่องของงานประกอบการดีไซน์ MSI Alpha 15 มีความคล้ายกับ MSI GL65 ซึ่งทำได้ดีสมกับเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด เห็นได้ชัดว่าโดดเด่นไม่แพ้ซีรีส์ G เลย ทั้งเรื่องความสวยงาม พร้อมทั้งแข็งแรงมีความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใคร และเชื่อว่าถ้าหากเอาไปใช้ที่ไหนมีแต่คนมองแน่นอน อีกทั้งจากสเปกโดยรวมทั้งหมดสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ ทำให้ประสบการณ์ใช้งานเรื่องของการเล่นเกมในโดดเด่นและสะใจเข้าไปอีก ในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ
ในส่วนของบานพับเป็นแบบแกนเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สามารถกางหน้าจอได้มากถึง 145 องศา ความหนืดของบานพับกำลังพอเหมาะอีกทั้งยังแข็งแรงทนทาน ในส่วนของงานประกอบก็ยังทำออกมาเรียบร้อยเนี๊ยบๆ ด้วยวัสดุอลูมิเนียมและขั้นตอนในการผลิตทำให้ตัวเครื่องมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่รู้สึกไม่มั่นคงในขณะหยิบจับใช้งานแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่ต้องยอมรับในเรื่องของงานประกอบที่แน่นหนาอย่างน่าประทับใจจริงๆ
ด้านฐานล่างออกแบบมาใหม่ดีไซน์วัสดุเป็นพลาสติก ABS สีดำเกรดดี พร้อมลวดลายกราฟิคเป็นเอกลักษณ์ และการเซาะร่องระบายอากาศที่หลากหลายตำแหน่ง ลำโพงก็อยู่ที่ด้านล่าง 2 ตัว ทำให้ตัวเครื่องสามารถกระจายเสียงได้ดี การแกะอัปเกรดบอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด เพราะแค่แกะน็อตออกหมดทุกตัวออก แล้วค่อยใช้บัตรแข็งๆ แงะที่ละส่วนออกเท่านั้นเอง กรณีที่อยากจะอัปเกรดแรมเพิ่มเป็น 16GB หรือใส่ HDD 2.5″ เพื่อเพิ่มความจุนั่นเอง ทางด้านช่องระบายความร้อนมีมาให้ด้วยกันถึง 3 ช่อง ด้านหลังสอง และด้านซ้ายอีกหนึ่ง โดยใช้พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้นดีกว่าเดิม ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Cooler Boost 5 ที่ช่วยนำพาความร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI Alpha 15 เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ โดดเด่นมากๆ จากการที่ใช้ Gaming Keyboard ที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ SteelSeries โดยพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะ ทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่มหลายๆ ปุ่มพร้อมๆ กัน ที่สำคัญในคราวนี้ไฟ LED ที่เป็นสีแดงแบบ Single Red พร้อมเทคโนโลยีใหม่อย่าง Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ผ่าน Steelseries Engine 3
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก สัมผัสแบบผิวลื่นๆ เล็กๆ ทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย และควบคุมได้ง่ายมากขึ้นกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมี Hotkey ตรงมุมขวาบนของชุดแป้นคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มเร่งรอบพัดลมและปุ่มเปิด Steelseries Engine 3
Screen / Speaker
MSI Alpha 15 มีหน้าจอจอแสดงผลขนาด 15.6″ ขอบบาง ความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS คุณภาพดี มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวาและด้านบนล่างที่กว้าง พร้อมมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ 120Hz พร้อมใช้สนับสนุน AMD FreeSync ทำให้ภาพลื่นไหลกว่าปกติและภาพไม่มีการฉีกขาดอีกด้วย ทำให้ภาพปรากฏออกมามีความลื่นไหลแบบสุดๆ ในการเล่นเกม ดีกว่าพวกจอ IPS 60 แบบรู้สึกได้ ทั้งการดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกม สบายตาสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมีโปรไฟล์สีผ่านซอฟแวร์ MSI True Color ได้อีก 6 แบบ ซึ่งทุกโปรไฟล์สามารถใช้งานได้จริงเห็นความแตกต่างชัดเจน
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่นเล็กน้อย
ดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 59% AdobeRGB ที่ 44% เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันระดับที่ดีตามาตรฐานของ Gaming Notebook ที่เป็น Refresh Rate 120Hz ราคาคุ้มค่าหลายรุ่น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 250 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน้ตบุ๊กราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องล่างกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องบนล่างมุมขวาและช่องแถวล่างขวาจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปที่ ๅจ% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ระบบเสียงก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ด้วยลำโพง Giant Speakers แบบ 2 ชาแนล รูปแบบลำโพงปกติก็ใหญ่ขึ้นขนาด 2W ซึ่งถูกติดตั้งไว้อยู่ขอบตัวเครื่องด้านหน้า ทำหน้าแบบยิงลงพื้นแล้วกระจายเสียงให้มีความกว้างกว่าการยิงเสียงตรงๆ โดยมีซอฟแวร์ปรับแต่งเสียง Nahimic 3 จำลองการเสียงได้สมบูรณ์แบบ ทำให้มีการปรับแต่งเสียงที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าทั้งความดังและคุณภาพเสียงอย่างชัดเจน ใช้เล่นเกมและบันเทิงได้เต็มอารมณ์ ในส่วนของ Headphone-out รองรับ HiFi / SPDIF อีกด้วย
Connector / Thin And Weight
ทางด้านพอร์ตการเชื่อมต่อก็จัดได้ว่า MSI Alpha 15 จัดว่าเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ ที่มิติเล็กกว่าปกติ แต่ก็มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น HDMI, mini Display Port ไว้เชื่อมต่อหน้าจอภายนอก ซึ่งเราสามารถเชื่อมต่อได้พร้อมกัน จัดเต็มด้วย 1 x USB 3.2 Gen2 Type-C, 3 x USB 3.2 Gen1 Type-A รองรับกับอุปกรณ์ที่หลากหลายพร้อมไฟ LED สีแดง เลือกปิดเปิดได้ อีกทั้งยังมี 2-in-1 SD Card Reader, Lan RJ-45 (มี Killer Gaming LAN) , รูหูฟังกับไมค์แบบแยกออกจากกัน และ Kensington lock slot ไว้ตัวเครื่องกับโต๊ะทำงานอีกด้วย
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายนั้นรองรับทั้ง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 5 (AC) ตามมาตรฐานของโน้ตบุ๊คปัจจุบัน โดยมีขนาดตัวเครื่องของ MSI Alpha 15 จะอยู่ที่ 357.7 x 248 x 27.5 มิลลิเมตร โดยมีน้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม เรียกได้ว่าเบากว่า Gaming Notebook จอ 15.6″ รุ่นอื่นพอสมควร พอพกพาได้สบายๆ และเมื่อรวมกับที่สำคัญอะแดปเตอร์จ่ายแล้วก็จะมีน้ำหนักเราไม่เกิน 3.0 กิโลกรัม พร้อมใส่กระเป๋าไปข้างนอกได้ทันที
Inside / Upgrade
การแกะทั้งฝาล่างทั้งหมดของ MSI Alpha 15 สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ไขน็อตทั้งหมดประมาณ 10 ตัว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แงะแกะทีละส่วนขึ้นอย่างช้าๆ เพียงเท่านี้ก็จะแกะฝาล่างได้ไม่ยากเย็น ส่วนประกอบภายในอื่นๆ ที่มีงานประกอบเรียบร้อยดี การแกะตัวเครื่องเพื่ออัปเกรดหรือทำความสะอาดของ MSI Alpha 15 ก็สามารถทำได้ง่ายและก็สะดวกทีเดียว ซึ่งการแกะฝาล่างของ MSI สามารถทำได้แล้ว โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าประกันจะหลุดแต่อย่างใด ขอแค่ว่าอย่าแกะจนเกิดความเสียหายก็พอ
เมื่อแกะออกมาแล้วจะเห็นว่าติดตั้งแรมมาแล้วขนาด 8GB จำนวน 1 แถว ซึ่งตัวที่เรานำมารีวิว คือเพิ่ม 8GB อีก 1 แถวแล้ว ก็จะรวมเป็นขนาด 16GB โดยเราสามารถอัปเกรดเพิ่มได้สูงสุดถึง 64GB ทีเดียว ส่วน SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ติดตั้งมาให้แล้ว รวมไปถึงมีช่องว่างทางด้านซ้ายที่สามารถเพิ่มการอัปฮาร์ดดิสก์ HDD ขนาด 2.5″ ได้ทันทีเช่นกัน ที่จะเป็นแบบปกติจานหมุนหรือ SSD SATA 3 ก็ทำได้ (มีชุดยึดมาให้ในกล่อง) ที่ต้องบอกว่าสำหรับการใช้งานทั่วไปที่อยากได้ความจุเพิ่ม ก็นับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย
ด้านระบบระบายความร้อนก็จะเป็นระบบ Cooler Boost 5 รุ่นล่าสุด ซึ่งเน้นในเรื่องของทิศทางการไหลเวียนเข้าออกของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร โดยจะมีช่องระบายความร้อนรวมทั้งหมดถึง 3 ช่อง เป็นด้านหลัง 2 ด้านข้างอีกอย่างละ 1 มีครีบระบายความร้อนเป็นสีดำซึ่งดูแล้วเรียบเนียนจากตัวเครื่องในส่วนของ Heat Pipe ก็ให้มามากถึง 7 เส้น โดยจัดเต็มกว่าแบรนด์อื่นๆ เหมือนเคย วางตัวยาวตั้งแต่ส่วนของชิปประมวลเรื่อยมาจนถึงส่วนที่เป็นครีบระบายความร้อนทองแดงที่มีการชุบด้วยสีดำอย่างอลังกาลงานสร้างไม่มีกั๊กใส่เต็มทุกเม็ดจริงๆ พัดลมก็ให้มา 2 ตัวเพียงพอ
และย้ายแบตเตอรี่ไปอยู่ด้านบนเพื่อให้บาลานต์ตัวเครื่องดียิ่งขึ้น โดดเด่นคือแบตเตอรี่เราสามารถถอดเปลี่ยนเองได้ง่ายๆ กับความจุ 4730 mAh ที่อยู่ในเกณฑ์เยอะกว่ามาตรฐานทั่วไป รวมถึงลำโพงมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ขยับไปมาได้ ทำให้ได้เสียงทุ้มเพิ่มเข้ามา โดยรวมแล้วถือว่า MSI มีความใส่ใจรายละเอียดในทุกๆ จุดเลยทีเดียว
Performance / Software
โดย MSI Alpha 15 ที่แอดมินโป้งได้รับมารีวิวนั้นมาพร้อมสเปกขายจริง ใช้ชิปประมวลผลเป็นได้สเปกเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3750H ที่แรงกว่า Ryzen 5 3550H สถาปัตยกรรม Zen+ มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม 12 nm ความเร็ว 2.3 – 4.0 GHz แบบ 4 Core/ 8 Thread ร้อนน้อยกว่า ราคาต้นทุนถูกกว่า พร้อมฟีเจอร์มากมาย เช่น SenseMI คอยจัดการให้เหมาะสมกับการใช้งาน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 Buss 2400MHz แบบ 8GB x 1 (แต่ในเครื่องรีวิวใส่เป็น 16GB) ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
.
ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดที่เป็น AMD Radeon RX Vega 10 สำหรับการใช้งานทั่วไป ที่สำคัญคือมีการติดตั้งการ์ดจอแยกประสิทธิภาพสูงเป็น AMD Radeon RX 5500M (4GB GDDR6) ที่ให้ประสิทธิภาพความแรงเทียบเท่ากับระหว่างการ์ดจอคู่แข่งอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 / GTX 1660 Ti รองระบการเล่นเกม 3 มิติที่ลื่นไหลในทุกๆ บนโลก ซึ่งจุดเด่นของ AMD นอกจากความแรงและความร้อนที่น้อยกว่าเพราะใช้สถาปัตยกรรม RDNA ที่ 7 nm แล้วก็คือ ราคาที่ถูกกว่าด้วยนั่นเอง โดย MSI Alpha 15 จัดว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นแรกของโลกที่ใช้การ์ดจอรุ่นนี้อีกด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB แบบ M.2 NVMe ระดับกลางๆ จากทาง WD ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1603 MB/s และเขียนที่ 1033 MB/s หรือในอนาคตจะเอา HDD 2.5″ มาเพิ่มความจุก็แล้วแต่สะดวก
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,369 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน้ตบุ๊คเล่นเกมมีการ์ดจอแยกอย่าง Radeon RX 5500M ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไปมากพอสมควร ระดับเทียบเท่าสเปก Ryzen 7 3750H + GTX 1660 Ti สบายๆ
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 70 + FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3750H ที่สามารถรีดพลัง AMD Radeon RX Vega 10 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ระดับสูงก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield V/ FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว พร้อมปรับเป็น DX12 ให้ภาพสวยงาม แต่ก็ต้องแลกกับการกินทรัพยากรเครื่องเพิ่มเติมด้วย
เกมออนไลน์กินสเปกน้อยลงมาอย่าง DOTA 2 / Overwatch รวมไปถึง PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 80 – 90 – 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ เทียบแล้วมีความใกล้เคียงกับสเปก Ryzen 7 3750H + GTX 1660 Ti อย่าง FX505DU ทีเดียว (บางเกมเฟรมเรทมากกว่าบางเกมน้อยกว่า)
และด้วยหน้าจอ พาเนล IPS แบบ 120Hz พร้อม สนับสนุน AMD FreeSync ทำให้ภาพลื่นไหลกว่าปกติและไม่ฉีกขาด ทำให้เกม FPS ที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย แต่นั่นก็ต้องอยู่กับตัวเกมด้วยว่าขับเฟรมเรทได้แค่ไหน ถ้าเกมกินสเปกหนักๆ 120Hz อาจไม่เห็นผลมากนักกับความลื่นไหล อาจจะปรับกราฟิกต่ำลงมาเท่าที่เราพอใจ หรือเอาจริงๆ สำหรับเกมสไตล์ MOBA แค่ 60 FPS นิ่งๆ ก็เอาอยู่แล้ว
MSI DRAGON CENTER เวอร์ชั่นล่าสุด เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเวอร์ชั่น 2 จุดเด่นคือใช้งานสะดวกและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลน์ของทาง MSI ก็ว่าได้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยหน้าเมนูต่างๆ แบ่งตามลักษณะการใช้งานที่ชัดเจน รวมไปถึงการอัพเดทซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถจัดการได้ง่ายยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
Battery / Heat / Noise
MSI Alpha 15 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4730 mAh ถือให้มาในระดับกลางๆ ซึงเมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าใช้ได้ยาวนานพอสมควร โดยสามารถใช้งานผ่าน Wi-Fi เล่นอินเตอร์เน็ตดู Youtube ปรับแสงต่ำสุด เลือกใช้งานเป็น Power Saver ใช้ได้ยาวนานประมาณเกือบ 5 ชั่วโมง ก็ถือได้ว่าเพียงพอพกพาไปใช้งานข้างนอกได้บ้าง ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ทั่วไป
ทางด้านอุณหภูมิสำหรับเจ้าเครื่องนี้ที่ให้ฮีทไปป์มาทั้งหมด 7 เส้น Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง เรียกได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊คอีกรุ่นที่มีการระบายความร้อนได้ดีมากเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% โดยทางทีมงานได้ทำการเล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ ซึ่งได้เปิดโหมดเร่งรอบพัดลมสูงสุดไว้
แต่อย่างไรก็ตามจากการที่สเปกจะแรงด้วยชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3750H ทำให้ความร้อนสูงสุดที่เกิดขึ้นนั้นถืออยู่ในเกณฑ์ที่ปกติและรับได้ที่ไม่เกิน 77 องศาเซลเซียส เรียกได้ชุดระบายความร้อนจาก MSI ที่ว่าดีกว่า Gaming Notebook ทั่วไปแล้ว โดยสามารถทำงานได้ปกติไม่มีผลต่อการใช้งานใดๆ ซึ่งในส่วนของการ์ดจออย่าง AMD Radeon RX 5500M นับว่าควบคุมความร้อนได้ดีมาก ร้อนสุดอยู่ที่ประมาณ 7x องศาเซลเซียสเท่านั้นเองจาก MSI AfterBurner (ซอฟต์แวร์ HWM ยังไม่สามารถแสดงผลได้ ) ส่วนตัวเครื่องภายนอกนั้นรับรู้สัมผัสได้ถึงความร้อนเล็กน้อย ในส่วนนี้ถือว่าให้ประสบการณ์ที่น่าพอใจทีเดียว สมกับเป็น MSI จริงๆ
Conclusion / Award
ก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่าตลาดของ Gaming Notebook นั้นเต็มไปด้วยการ์ดจอจากทาง NVIDIA จากการที่ได้ทั้งความแรงประสิทธิภาพ แต่ที่สำคัญที่สุดคือทาง AMD ไม่มีการ์ดจอ Gaming Notebook รุ่นใหม่ออกมาสู่ตลาดเลย ส่งผลให้ผู้ผลิต Gaming Notebook จำเป็นต้องใช้ของ NVIDIA เพียงอย่างเดียว โดยจับคู่มากับชิปประมวลผลทั้ง Intel Core i และ AMD Ryzen ตระกูล H ที่เน้นความแรงเป็นหลัก ตามแต่ช่วงราคาที่มีให้เราเลือกหลากหลาย
แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าตลาด Gaming Notebook จะสนุกสนานไปอีกขั้นจากการมาของ MSI Alpha 15 ที่ได้การ์ดจอเป็น AMD Radeon RX 5500M รุ่นแรกของโลก ที่มีความแรงท้าชนการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 / GTX 1660 Ti เลยล่ะ ซึ่งจุดเด่นของ AMD นอกจากความแรงและความร้อนที่น้อยกว่าเพราะใช้สถาปัตยกรรม RDNA ที่ 7 nm แล้วก็คือ ราคา Gaming Notebook ที่ออกมานั้นถูกกว่าแต่ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน
โดยรวมแล้ว MSI Alpha 15 เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 15.6″ ที่มีฟีเจอร์ที่คล้ายกับ MSI GL65 เกือบทุกด้าน โดยเป็นรองในส่วนของรายละเอียดบางอย่างเท่านั้น พร้อมติดตั้งชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3750H และการ์ดจอตัวแรงล่าสุด AMD Radeon RX 5500M ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน้ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี ให้ความร้อนที่น้อยลงแต่ความแรงเพิ่มขึ้น กับราคาเพียง 27,900 บาทถือว่าคุ้มค่าน่าซื้อ สำหรับในช่วงราคา Gaming Notebook ระดับนี้
รายละเอียดสเปกอื่นๆ ได้แรม DDR4 ขนาด 8GB ที่อัพเกรดได้ถึง 64GB (แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ก็พอ) เรียกได้ว่าเล่นเกม 3 มิติได้ลื่นๆโดยจุดเด่นที่เหนือชั้นกว่ารุ่นเดิมๆ ก็คือได้คีย์บอร์ด Gaming อย่าง SteelSeries ลำโพงทำงานร่วมกับระบบเสียง Nahimic 3 ให้เสียงคุณภาพดี พร้อม CoolerBoost 5 มีพัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง ที่ทาง MSI จัดหนักจัดเต็มที่สำคัญไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย ก็คือดีไซน์สวยงามขอบจอบาง เครื่องเล็กกระชับ เบาที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น
จุดเด่นเรื่องของประสิทธิภาพต่อความคุ้มค่า การใช้งานทั่วไปนั้นสอบผ่านสบายๆ อีกทั้งในเรื่องของการเล่นเกมก็นับได้ว่ามีความประทับใจ ซึ่งต้องบอกว่าในเครื่องที่เรารับมารีวิวนั้นได้ทำการอัพเกรดแรมเป็น 16GB แล้ว ซึ่งมีผลต่อเฟรมเรทที่เพิ่มเข้ามาพอตัว ฉะนั้นแล้วจากผลการทดสอบของ 6 เกมข้างต้นถือว่าทำได้ดีเยี่ยม อีกทั้งหน้าจอก็เป็นแบบ Refresh Rate 120Hz ที่มีการสนับสนุน AMD FreeSync ทำให้ภาพลื่นไหลกว่าปกติ ลดอาการภาพฉีกขาดไปได้ (ส่งข้อมูลไม่ซิงค์กัน) ที่สำคัญคือทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอร้อนน้อยสุดๆ และแบตเตอรี่ก็ยาวนานด้วย
ในเรื่องของงานประกอบการดีไซน์ MSI Alpha 15 ทำได้ดีเกินกว่าราคาค่าตัว โดยสามารถเทียบเคียงกับตระกูล GL รุ่นล่าสุด ที่มีราคา 46,900 บาทได้สบายๆ เห็นได้ชัดว่าโดดเด่นไม่แพ้ซีรีส์บนๆ เลย ทั้งเรื่องความสวยงาม พร้อมทั้งแข็งแรงมีความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใคร และเชื่อว่าถ้าหากเอาไปใช้ที่ไหนมีแต่คนมองแน่นอน อีกทั้งจากสเปกโดยรวมทั้งหมดสมเป็น Gaming Notebook ตัวแรงใช้งานยาวๆ ทำให้ประสบการณ์ใช้งานเรื่องของการเล่นเกมในโดดเด่นและสะใจเข้าไปอีก ในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ
ในส่วนของข้อสังเกต MSI Alpha 15 ถ้าเทียบกับราคาแล้ว เรียกได้เกือบจะไม่มีก็ว่าได้ แต่ถ้าพูดถึงหน่อยคงจะเป็นเรื่องของค่าขอบเขตสีที่แม้จะเป็นพาเนล IPS แต่ก็ให้ขอบเขตสีระดับกลางๆ เท่านั้น ซึ่งถ้าใครไม่จริงจังเรื่องสีสันก็สามารถมองข้ามไปได้เลย รวมไปถึงแรมติดเครื่องมีมาให้ 8GB ยังไงเป็นไปได้ควรเพิ่มแรมเป็น 16GB ก็จะช่วยในเรื่องของเกมที่ลื่นไหลขึ้นเยอะด้วย และส่วนของ SSD M.2 NVMe ที่ให้มาความเร็วก็น้อยไปหน่อย ปิดท้ายจริงๆ ก็คือ ประกันได้ที่ 1 ปี (รุ่นอื่นๆ ของ MSI ได้ระยะเวลา 2 ปี)
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดีเยี่ยม ประทับใจมาก
- หน้าจอขนาด 15.6″ขอบจอบาง พาเนล IPS แบบ 120Hz มี FreeSync เล่นเกมได้ลื่นไหล
- สเปคสูงและใหม่ล่าที่มาพร้อมกับ AMD Ryzen 7 3750H + Radeon RX 5500M
- แรมให้มา 8GB และ SSD M.2 NVMe ที่ความจุ 512GB
- ประสิทธิภาพในการทำงานและเล่นเกมลื่นไหล สมบูรณ์แบบที่สุดรุ่นนึงในราคานี้
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันที่ให้ทั้ง USB 3.1 Type C, mini Display Port และช่องเสียบหูฟังไมค์แยกออกจากัน
- รองรับการอัปเกรด HDD 2.5″ SATA 3 อีกตัว
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 5 พัดลม 2 ตัว ฮีทไปป์ 7 เส้น ช่องระบายความร้อน 3 ช่อง
- คีย์บอร์ด SteelSeries ให้สัมผัสที่นุ่มลื่นมือ พร้อมไฟสีแดง
- มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที และซอฟต์แวร์ติดเครื่องมาให้ที่ดี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบๆ 5 ชั่วโมง
- มิติตัวเครื่องเล็ก พกพาใส่กระเป๋าเป้สะดวก
ข้อสังเกต
- คุณภาพหน้าจอการแสดงขอบเขตสีอยู่ในระดับกลางๆ
- ถ้าอัพเกรดแรมเป็น 16GB ประสิทธิภาพโดยรวมน่าจะดีกว่านี้
- SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ความเร็วน้อยไปหน่อย
- ประกันระยะเวลา 1 ปี
AWARDS
ในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน้ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง MSI Alpha 15 ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Gaming
MSI Alpha 15 เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น หน้าจอ IPS ที่ 120Hz ระบบ Cooler Boost 5, ระบบเสียง Nahimic, จอ IPS 120Hz, Steelseries Keyboard, Killer Network, USB 3.1 Type-C รวมไปถึงซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก
Best Performance
MSI Alpha 15 มีสเปคที่ครบครัน ใช้สเปกเป็น AMD แท้ๆ ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจออย่าง AMD Ryzen 7 3750H + Radeon RX 5500M พร้อมแรมตัวเครื่องที่อัพเกรดได้มากถึง 64GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 ที่ใส่มาแล้ว 8GB ที่ 1 แถว และ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูง รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ใส่มาแล้วทันทีที่ 512GB พร้อมใส่เพิ่มได้อีกด้วย HDD 2.5″ SATA 3 ประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมประทับใจมากๆ
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ MSI Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน MSI Alpha 15 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงาม วัสดุเป็นโลหะอลูมิเนียมแทบทั้งหมด ออกแนวดุดันและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้การตัดสีดำกับแดง รวมไปถึงไฟคีย์บอร์ดก็โดดเด่นไม่แพ้กัน พร้อมช่อง USB ก็มีไฟสีแดงลอดออกมาเหมือนรุ่นระดับบน ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นเกมเมอร์ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน พกพาสะดวกด้วยน้ำหนักเพียง 2.3 กิโลกรัม
Best Value
จากการที่ MSI Alpha 15 ที่สิ่งที่น่าสนใจรอบด้านทั้งสเปกเป็น AMD Ryzen 7 3750H + AMD Radeon RX5500M + จอ IPS 120Hz ขอบหน้าจอบาง + Ram 8GB + SSD M.2 NVMe 512GB + มี Windows 10 แท้ รวมไปถึงได้ฟีเจอร์ Gaming แบบจัดเต็ม อีกทั้งได้ดีไซน์ที่ล้ำหน้าและแตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ในราคาเพียง 27,900 บาท เรียกได้ว่าคุ้มค่าจนหาตัวจับได้อยากทีเดียว สำหรับ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ แบบนี้
เลือกซื้อเลย
Advice
https://bit.ly/2XeswRy
Banana
https://bit.ly/2NLYTUM
JIB
https://bit.ly/2O9UEBx
Lazada
https://bit.ly/2qOVjjG
Notebookspec
https://bit.ly/2Oa1eI7
Shopee
https://bit.ly/34YQrHn