AMD’s CPU Development
ที่ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีต้องตกอยู่ในร่มเงาของคู่แข่ง
และในวันหนึ่งที่กาลเวลาได้ขัดเกลาจึงเปล่งปลั่งประกายดุจทองคำ
อย่า…ด่วนตัดสินว่าใครคือเบอร์หนึ่งในยุทธจักร CPU หากคุณยังไม่ได้อ่านบทความนี้จนจบ
ทอดสายตาทั่ววงการซีพียูในโลกวันนี้ ใครๆที่เริ่มควักกระเป๋าซื้อ Desktop หรือ Notebook ทุกคนก็ย่อมรู้ว่ามีขาใหญ่ในตลาดอยู่ 2 รายคือ AMD และ คู่แข่ง
นวัตกรรมบนลำแข้งของตัวเอง
ในปี 1999 AMD ได้เปิดตัว ซีพียู Generation ใหม่ โดยใช้ชื่อว่า Athlon ซึ่งซีพียูตระกูลนี้ให้ AMD สามารถเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาไปได้ถึง 1 GHz รวมถึงมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของ FPU ให้ดีขึ้นเพื่อแข่งขัน ส่งผลให้ Athlon ทำงานดีกว่า Pentium มาก และด้วยใบอนุญาตจาก Digital Equipment Corporation (DEC) ที่ให้สิทธิ์ในการใช้เทคโนโลยี EV6 FSB AMD จึงสามารถผลิตชิปเซตเพื่อใช้งานร่วมกับซีพียูตัวใหม่นี้ได้ อีกทั้งยังรองรับการทำงานร่วมกับแรม DDR ที่มีแบนด์วิดธ์กว้างกว่า และมีประสิทธิภาพดีกว่า SDRAM แบบเดิมๆ
ก้าวที่พลาดกับ Bulldozer และการมาถึงของหญิงแกร่ง “Lisa Su”
หลังจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทีมออกแบบซีพียู โดยเน้นการออกแบบซีพียูที่เอื้อต่อการเล่นเกม, การประมวลผลไฟล์ 3D รวมไปถึงการเรนเดอร์วีดีโอความละเอียด 4K แล้ว ในช่วงปี 2012 AMD เปิดตัวผู้บริหารใหม่คือ Lisa Su ในตำแหน่ง Senior Vice President และ General Manager พร้อมเป้าหมายในการเจาะตลาดกราฟิกและเกมมิ่ง และประสบความสำเร็จอย่างสูงในการบรรลุข้อตกลงเป็นพันธมิตรร่วมกับ Sony และ Microsoft ในการผลิตซีพียูให้กับ PlayStation 4 และ Xbox One จากนั้น 2 ปี Lisa Su ก้าวขึ้นเป็น CEO ของ AMD และได้รับการสนับสนุนจากทีมงานบริหารในการพัฒนาซีพียู Ryzen ภายใต้สถาปัตยกรรม Zen ให้กับ AMD
Ryzen จุดหมายแห่งความสำเร็จ
Ryzen ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของ AMD เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยในตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่น AMD ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 40% จากก่อนหน้านี้ที่มาร์เกตแชร์อยู่ในช่วงไม่เกิน 10% ปัจจัยหลักที่ทำให้ AMD กลับมาแข็งแกร่งในตลาดซีพียูอีกครั้งมาจากกระแสของวงการอีสปอร์ต ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในภูมิภาคเอเชีย เพราะบรรดาเหล่าเกมเมอร์ที่มีความรู้ในแง่ของการประกอบคอมพิวเตอร์ มองว่าสามารถเลือก ใช้หน่วยซีพียูที่ราคาประหยัดกว่า แต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือสูงกว่าในหลายมุมในการใช้งาน
Winner takes all.
นอกจากนี้ AMD ยังได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ที่ผู้ใช้ทั่วโลกต่างตั้งตารอคอยคือ AMD Ryzen Threadripper 3990X ที่มีคอร์ประมวลผล 64 คอร์ 128 เธรด ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพที่เหนือชั้นในการทำงานด้าน 3D, Visual Effects และการตัดต่อวิดีโอในระดับมืออาชีพ
ในที่สุด AMD ก็สามารถประกาศชัยชนะเหนือคู่แข่งตลอดกาลได้เสียที โดย AMD กล่าวว่าด้วยประสิทธิภาพของ Ryzen 4000 Series เราไม่คิดว่าจะมีเหตุผลอะไรที่คนจะซื้อโปรเซสเซอร์ของคู่แข่ง เพราะโปรเซสเซอร์ 7 นาโนเมตรใหม่นี้ไม่เพียงแต่ถูกกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่า แต่มันให้คอร์มามากที่สุดโดยแต่ละคอร์ก็ให้ประสิทธิภาพสูงสุด